วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ขับรถควรปรับกระจกให้มองเห็นได้ดีที่สุด

วันนี้ได้บทเรียนราคาแพงมาอีกหนึ่งอัน เรื่องการขับรถ ปกติเราก็จะขับรถสลับไปสลับมาอยู่ไม่กี่คัน มีรถของเราเองที่ขับบ่อยสุดแล้วก็รถของแฟน มาวันนี้ต้องขับรถกระบะของแม่ทางไกล ซึ่งกระจกมองหลังและกระจกมองข้างมันให้มุมมองที่แคบกว่ารถเก๋งมากๆ

แต่เราก็ประมาท ขี้เกียจปรับกระจกข้างเพราะว่ามันไม่ใช่แบบไฟฟ้าต้องเอื้อมมือไปปรับไปบิดเอา ซึ่งเราไม่อยากให้แม่ต้องมาปรับใหม่อีก ก็เลยเอาไว้อย่างงั้น ซึ่งมันก็เป็นเรื่องขึ้นจนได้

เราขับทางไกลเส้นสุพรรณบุรี แล้วจังหวะมันจะเป็นใจยังไงไม่รู้ อยู่ๆ ก็มีรถมาดีดไฟสูงไล่เราในขณะที่ความเร็วตอนนั้นก็ราวๆ 110 km/h แล้วรถกระบะคันเก่งของแม่ก็เร่งไม่ค่อยจะขึ้นแล้ว เราก็สงสัยว่าทำไมมาไล่วะเลยจะหลบให้ พอจังหวะจะหลบก็เหลือบมองกระจกข้างและกระจกหลังแล้วนะ แต่ไม่เห็นรถที่ขับอยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งมันเป็นจุดบอดพอดี ก็เลยเฉี่ยวหน้ารถคันข้างๆ ไปหน่อยนึง เดชะบุญที่ไม่มีใครเป็นอะไร

เราก็เลยรีบหักรถเข้าไปจอดข้างทางแล้วลงไปยกมือไหว้ขอโทษคนขับที่เราไปเฉี่ยวเค้า เค้าก็ไม่ลงมาดูรถนะ แต่บอกว่าขอค่าซ่อม 5 พันละกัน แม่เราเลยควักจ่ายไปให้

เป็นบทเรียนที่ดีมากๆ ในครั้งนี้ เพราะเราเองที่ประมาท ไม่ยอมปรับกระจกให้ดีซะก่อนที่จะขับรถ ทั้งๆ ที่มันเป็นรถกระบะที่เราไม่ค่อยได้ขับอยู่แล้วก็ยังไม่ยอมปรับ เลยทำให้เกิดเรื่องขึ้นเลย

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การตั้งศูนย์ล้อก็ทำให้เราขับดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้สนใจเรื่องการตั้งศูนย์ล้อเท่าไหร่ แต่พอดีวันก่อนไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแล้วเห็นว่ายางมันมีการสึกด้านขอบนอกมากกว่าปกติ ก็เลยไปให้ร้านยางเค้าดู เค้าก็บอกว่าแบบนี้ต้องไปตั้งศูนย์ดู เค้าก็แนะนำร้าน เราก็ไปทำ เสียเงินค่าตั้งศูนย์ล้อไป 250 บาท พอเอามาขับดู รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงมากๆ รถมันขับได้ดีขึ้น เหมือนมันจะวิ่งเต็มล้อมากกว่าเดิม เลยเพิ่งรู้ว่าบางครั้งการปรับแก้เล็กๆ น้อยๆ นี่ก็ให้ผลที่มหาศาลได้เลยทีเดียวนะ