วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2564

พอดี

 วันก่อนไปเยี่ยมพ่อที่ชัยนาท พ่อถามว่าอยากได้ iPhone 12 Pro เครื่องเก่าของพ่อไหม เพราะในช่วงปลายปีพ่อจะได้ iPhone รุ่นล่าสุดมาใหม่ทุก ๆ ปีเป็นโบนัส ซึ่งพ่อก็ถามเราทุกปีน่ะแหละตั้งแต่สมัย iPhone X แล้ว ตอนนั้นเราเพิ่งซื้อ iPhone ใช้เป็นเครื่องแรก ซึ่งมันคือ iPhone SE รุ่นแรก ที่ใช้บอดี้แบบ iPhone 5 เลย

พ่อถามเราทุกปี แต่เราก็ตอบไปทุกปีว่าไม่เอา แม้ว่า iPhone ที่พ่อจะยกให้นั้นมันจะแรงกว่า iPhone SE และมีทุกอย่างดีกว่าเจ้า iPhone SE ของเราทั้งหมด ไม่ใช่ว่าเกรงใจอะไรด้วยนะ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ

เพราะหลังจากที่เราพยายามคิดว่าโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ของเรามันควรจะเป็นยังไง เราก็ค่อย ๆ ได้คำตอบมากขึ้นจากการใช้งานโทรศัพท์มือถือเครื่องต่าง ๆ มา แม้มันจะไม่ได้เยอะ แต่มันทำให้เราพอมองเห็นความต้องการของตัวเองได้ชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ 

สิ่งแรกที่เราต้องการจากโทรศัพท์มือถือคือ เครื่องมันต้องเล็ก พกพาได้ง่าย ไม่สร้างความรำคาญให้เราเวลาใส่กระเป๋ากางเกง ซึ่งเจ้า iPhone SE รุ่นแรกนี่ตอบโจทย์มากมาย มันเลยกลายเป็นโทรศัพท์เครื่องที่เรารักมากที่สุด เพราะตอนที่มันออกมาขาย มันแรงเท่ากับรุ่น Top ในตอนนั้นเลย แต่เล็กกว่ากันมาก

จนเจ้า iPhone SE ของเราที่ใช้มา 4 ปีเต็ม มันเริ่มรวนจนแทบจะไว้ใจไม่ได้นี่แหละ เราถึงได้เริ่มมองหาโทรศัพท์เครื่องใหม่ แต่ช่วงนั้นมีแต่  iPhone XS, XR, 8 ที่เครื่องมันใหญ่เกินไปสำหรับความต้องการของเรา

จนมีข่าวลือเรื่อง iPhone 12 ที่จะออกมา 3 ขนาด ทำให้เรารอคอยมาก ๆ และในที่สุดข่าวลือก็เป็นความจริง iPhone 12 mini เป็นรุ่นที่เล็กที่สุดของ iPhone ก็ออกมา 

เราตัดสินใจซื้อทันทีแบบไม่ลังเล เพราะมันคือรุ่นเดียวในตลาดที่ตรงกับความต้องการของเราแล้ว

พอซื้อมาแล้วก็ไม่ผิดหวัง ขนาดมันใหญ่กว่า iPhone SE เครื่องเก่าของเราหน่อย แต่ก็ยังถือว่าเล็กกว่ารุ่นอื่นอยู่ดี แล้วจอก็ใหญ่โตกว่าเดิมมาก 

ดังนั้นนี่แหละ มันคือ iPhone ที่พอดีกับความต้องการของเราที่สุดแล้ว ไม่ว่าใครจะมายก iPhone 13 Pro Max ให้เรา เราก็ไม่อยากได้ เพราะมันไม่พอดีกับความต้องการของเรานี่นา

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2564

iMac อายุ 12 ปี ก็ยังเอามาลง macOS Catalina ได้

เคยเห็นคลิปวิดีโอสอนการติดตั้ง macOS Catalina บน Mac รุ่นเก่าๆ ที่ Apple ไม่ยอมให้ลงมาซักพักแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยกล้าจะลองกับเค้าซักที เพราะกลัวว่ามันจะทำให้เครื่องช้าจนทำงานไม่ได้

แต่พอดีได้ไปเจอคลิปที่คนไทยเค้าถ่ายเครื่อง iMac Early 2009 ของเค้า ที่เอามาลง macOS Catalina แล้วใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาอะไร

เลยรู้สึกว่าต้องลองแล้วล่ะงานนี้ ก็เลยไปไล่ดูคลิปต่างๆ ที่มีคนเค้าสอนทำ ดูจนมั่นใจแล้วก็จัดการ Backup ข้อมูลด้วย TimeMachine กันก่อน ใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน 

จากนั้นก็ทำการ partition ตัว External HDD ให้มี partition สำหรับเอามาติดตั้งตัว installer ของ Catalina ได้ ก็จัดการแบ่งออกมา 20GB 

แล้วก็ทำการ restart เครื่อง iMac แต่ว่าดันมีปัญหาไม่สามารถที่จะกดปุ่ม Option (หรือ Alt ใน Windows) ได้ เพราะ Keyboard ของเรามันมีแต่ไร้สาย ซึ่งปกติแล้วมันจะต่อได้ก็ต่อเมื่อเครื่องทำการ Boot จนเสร็จแล้ว

แต่สุดท้ายเราก็หาวิธีจนได้ นั่นคือการไปเลือก Startup disk ใน System Preference เองเลย ก็เลือกเป็น partition ของ macOS Catalina ที่เป็นตัว installer 

พอ Boot เข้ามาที่ตัว Installer ก็มีอาการแปลกๆ คือมัน mount partition ที่จะลง macOS ไม่ได้ซะงั้น สุดท้ายเลยลงไม่สำเร็จ แล้วก็เลยไปใช้ MacBook Pro ทำการสร้างตัว installer ใหม่อีกรอบ

แล้วก็มาทำขั้นตอนเดิมอีกที แต่คราวนี้ไปขอยืม keyboard ของพี่มาใช้ เป็น keyboard Windows แต่ก็สามารถกดปุ่ม Alt เพื่อให้มันเข้า Recovery mode ได้ ก็ทำตามขั้นตอนจนสำเร็จในที่สุด

หลังจากนั้นก็ทำการ Patch เจ้า macOS Catalina ที่เพิ่งลงไปให้มันสามารถใช้งานได้บนเครื่อง Mac เก่าๆ แล้วก็ทำการ restart มันก็จะเริ่มทำการเซ็ตอัประบบละ 

แต่ของเรานี่ทำการล้าง HDD ที่จะลงไปเลย เพราะมันมีการแปลง file system ไปเป็น APFS ด้วย แต่เจ้า macOS นี่ก็ออกแบบมาไว้ดีมาก มันมีตัวเลือกให้เราสามารถ copy ไฟล์ที่เรา backup เอาไว้ใน TimeMachine มาลงที่ macOS ตัวใหม่ได้ มันให้เราเลือกได้เลยว่าจะเอาอะไรมาลงบ้าง เราก็เลือกไปหมด มันก็ค่อยๆ copy มาเรื่อยๆ ใช้เวลานานอยู่เหมือนกันแต่พอเสร็จทุกอย่างมันก็กลับมาเหมือนก่อนที่เราจะอัปมาเป็น Catalina เลย ยกเว้น Application บางตัวที่มันไม่รองรับแล้วเพราะเป็นแบบ 32bit ก็ต้องลบทิ้งไป

หลังจากที่ทดลองใช้ดูมาพักนึงก็รู้สึกว่าคุ้มที่ได้อัปมาเป็น Catalina นะ เพราะมันมี App ใหม่ๆ เช่น TV, Music ที่ทำให้เราสามารถดูหนังฟังเพลงได้สะดวกขึ้น แล้วพวก App ต่างๆ ก็สามารถอัปเดตมาใช้รุ่นใหม่ๆ ได้ด้วย

แต่พวกเกมใน Apple Arcade ลองลงดูแต่ก็เล่นแทบไม่ได้เลย แหะๆ